อย่าไปคิดว่ามันจะง่ายขนาดนั้นและอย่าไปคิดว่ามันยากมากแน่นอน ผู้ปกครองหรือนักเรียนเองก็ตาม มักจะมีคำถามที่เป็นคำถามคลาสสิกเสมือนลอกกันมา คือ “เรียนจบคอร์สนี้พูดได้เลยไหมครับ คะ” โอโห้ งง เลย เราไม่สามารถที่จะอธิบายให้เข้าใจได้ถึงแก่นของการเรียนภาษาอังกฤษได้แน่ เพราะมันอาจจะต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงกันเลยทีเดียว
เราจะต้องเข้าใจถึงตัววิชา คือ ภาษาอังกฤษไม่มีสูตร ไม่มีทางลัด และ ไม่มีอะไรตายตัว มีแต่หลักสูตรที่เป็นแนวทางในการศึกษาที่พานักเรียนไปถึงความสำเร็จ ซึ่งต้องอาศัยผู้ที่มีประสบการณ์สอนอย่างเชี่ยวชาญ สิ่งที่คุณเห็นและได้รับรู้กันมานั้น เป็นแค่เป็นการชวนเชื่อทางโฆษณาทั้งนั้น
เปลี่ยนได้ไหม เปลี่ยนความคิดก่อนว่า ภาษาอังกฤษต้องใช้เวลาเรียนที่เป็นระยะเวลานานพอ ถึงจะเข้าถึงแก่นของภาษาอังกฤษจริงๆ แต่อย่าลืมว่าเรียนกับใครด้วย สถาบันอะไร ไม่ได้บอกว่าเรียนครบแล้วจะเก่ง แต่แน่นอนรับรองได้เลยว่า เพื่อนๆ รอบข้างถึงกับ งง แน่นอน
ตามหลักการและการทำวิจัยของมหาลัยแคมบริด กล่าวไว้คือ ผู้ที่ทำการศึกษานั้นต้องได้ทำการศึกษาภาษาอังกฤษอย่างน้อย 1000-1400 ชั่วโมง ถึงจะถือได้ว่าเป็นนักเรียนในระดับขั้นแอดวาน นั้นหมายความว่านักเรียนจะต้องอ่านออกเขียนได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ นี้และจะเป็นจุดที่เรากล้าพูดได้เต็มปากว่า “พูดภาษาอังกฤษได้(Speak English)”อ่าวแล้วบางคนที่พูดได้แล้ว เขาไม่ได้เรียนถึง 1400 ชั่วโมง ทำไมเขาถึงพูดได้ ? เขาพูดได้แต่เขาพูดถูกหลักไวยากรณ์แกรมม่าหรือเปล่า เรานั้นมิอาจจรู้ได้ เราเลยคิดว่าเขาพูดได้
ดังนั้นเราควรรู้ไว้ว่า ถ้าเรายังเรียนไม่นานพอหรือเวลาชั่วโมงไม่ถึงหรือใกล้เคียง อย่าคิดว่าจะเข้าใจถึงแก่นแท้ของภาษาอังกฤษ ซึ่งเราก็ได้เห็นผลลัพธ์ต่างๆ มากมาย อย่างนักเรียนที่เรียน 3 เดือน 6 เดือน บ้าง ยังพูดไม่ได้เลยก็มี สรุป เราได้เรียนภาษาอังกฤษนานพอหรือยังอย่าคาดหวังอะไรเยอะจาการเรียนเพียง 24 ชั่วโมง
มันเป็นเพียงทฤษฎีที่จะทำให้นักเรียนนั้นเข้าใจได้ง่ายมากขึ้นและสร้างแรงบันดาลใจในการเรียนเลเวลต่อๆ ไป และในแต่ละระดับแต่ละโรงเรียนไม่เหมือนกันอยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับการจัดรูปแบบหลักสูตรแต่โดยส่วนมากก็จะได้มาตราฐานสากล อย่าง ออกฟอร์ด หรือ แคมบริด นั้นเอง
ไม่ต้องเป็นกังวลหลักสูตรเปรียบเสมือนข้าวที่ยังไม่ได้หุง ผู้ที่จะหุงข้าวได้ไม่แชะหรือไม่แข็งก็ต้องอาศัยความเป็นมืออาชีพก็คือ ตัว ครูผู้สอนนั้นเอง นักเรียนคือผู้บริโภคจะได้กินข้าวแบบไหนก็ขึ้นอยู่กับเรา กล่าวได้คือ ต่อให้หลักสูตรได้มาจาก แคมบริดแบบไม่มีใครที่สามารถลอกเรียนแบบได้ แต่ผู้สอนไม่สามารถเข้าถึงการสอน ไม่สามารถทำให้นักเรียนเข้าใจได้อย่างแท้จริง หลักสูตรนั้นก็ไม่มีความหมาย
ความสำคัญของหลักสูตรแน่นอนสำคัญมากๆ แต่ที่ไม่ได้พูดถึงเพราะโรงเรียนส่วนมากในระยองนั้นได้รับการรับรองจากกระทรวงศึกษาธิการอยู่แล้วจึงเป็นมาตราฐานเดียวกัน อยู่ที่แต่ละโรงเรียนจะปรับแต่งหลักสูตรอย่างไรให้เกิดความเป็นเอกลักษณ์มากขึ้น
เราได้เห็นผู้ใหญ่หลายคนๆ บ่นว่า “รู้งี้เรียนตั้งแต่เด็กแล้ว(I should have studied when I was young)” เราได้เห็นและได้รับรู้แต่เราไม่เชื่อ จนเมื่อมันสายไปแล้ว ดังนั้นอย่ารอให้มันสายเพราะมันไม่มีสูตรสำเร็จถึงเวลาที่เราต้องใช้ก็ต้องกลั่นมาจากสมองล้วนๆ ไม่มีเครื่องมาแปลงให้เราได้ แม้แต่กูเกิ้ลยังแปลไม่ถูกต้องเลย
ถ้าสมองไม่ได้พัฒนามาตั้งแต่เด็กการเปลี่ยนแปลงการแก้ไขเมื่ออายุมากขึ้นก็จะยากกว่าเด็กหลายเท่าตัว หรืออาจจะไม่มีทางที่จะเทียบกับเด็กที่เรียนมาเป็นระยะเวลานานกว่าได้ จงยอมรับและเรียนให้หนักมากกว่าเดิม
ความจริงมีข้อมูลที่เป็นปัจจัยหรือความคิดผิดๆที่ เรามักจะคิดกันผิดจึงทำให้เป็นปัจจัยของการวางแผนการเรียนที่ผิดๆ หรือถอดใจระหว่างการเรียน ทั้งนี้ นักเรียนหรือผู้ปกครองลองเสนอความคิดเห็นมาตามด้านล่างนี้ ว่ามีอะไรทีทำให้เราเรียนแล้วไม่ประสบความสำเร็จเพื่อเราจะได้ช่วยพิจารณา