จิตใจกับภาษาอังกฤษ สำคัญจริงเหรอ เราจะมาอธิบายให้นักเรียนได้ทราบ แต่ก่อนอื่นนั้น เมื่อบทความที่แล้วนั้นเราได้พูดถึงเรื่องปัจจัยสำคัญหรือเหตุผลบางประการที่ทำให้เรานั้นไม่สามารถประสบความสำเร็จกับการเรียนภาษาอังกฤษได้ ซึ่งก็สามารถทำให้นักเรียนสามารถเข้าใจถึงจุดสำคัญที่นักเรียนนั้นสามารถแก้ไขได้และจะเป็นการนำสู่การเรียนที่ถูกต้อง แต่ก็จะต้องอาศัยความอดทนและความมุ่งมั่นพอสมควร เห็นได้ว่าการเรียนที่แท้จริงนั้นต้องอาศัยเวลาพร้อมกับความตั้งใจ ตั้งมั่นที่ดีของตัวนักเรียนเอง
วันนี้เราพร้อมที่จะนำเสนอวิธีการต่างๆ ที่จะให้การเรียนของนักเรียนนั้นประสบความสำเร็จกับการเรียนภาษาอังกฤษไม่มากก็น้อย แน่นอนการเรียนที่ดีนั้นควรจะมีการจัดสรรในเรื่องของเวลาเรียนให้จัดเจนเป็นการแบ่งเวลาให้นักเรียนได้มีเวลาในการเรียนภาษาอังกฤษ เป็นการบังคับตัวเองให้เรียนหนังสือ ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
มีนักเรียนมากมายที่พยายามหาวิธีในการพัฒนาการเรียนภาษาอังกฤษมาหลากหลายวิธี บางคนก็ผ่านการเรียนภาษาอังกฤษมาหลายสถาบันหลายโรงเรียนก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ บางคนก็ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนดี เหตุผลต่างๆนาๆ ที่เข้ามา จึงลงท้ายด้วยการบอกกับตนเองว่า เดียวค่อยเรียนก็ได้ เป็นคำตอบที่แก้ตัวได้ดีที่สุดและเป็นคำตอบที่บ่งบอกถึงความไม่ทเยอทยานในการเรียนภาษาอังกฤษ
นักเรียนต้องเปลี่ยนวิธีคิด เปลี่ยนความหมดหวัง กลายเป็นความหวัง และพร้อมที่จะเรียนรู้ในสิ่งที่เป็นไปได้บนพื้นฐานของความจริงๆ นั้นหมายความว่านักเรียนแต่ละคนอาจจะใช้ระยะเวลาการศึกษาที่ต่างกันในการศึกษาในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง แต่สุดท้ายแล้ว นักเรียนก็จะได้ผลลัพธ์ที่เป็นผลสำเร็จเสมือนดัง นักเรียนคนอื่นๆ เรามักจะบอกกับนักเรียนเสมอว่า “ การศึกษานั้นตามกันทันอยู่แล้ว “ เพียงแต่นักเรียนอาจจะใช้เวลานานกว่าคนอื่นเขา ซึ่งสือเนื่องมาจาก ปัจจัยชีวิต เวลา โอกาส …..
จากด้านบนนั้นแสดงให้เห็นถึงจุดด้อยต่างๆที่เป็นสาเหตุเบื้องต้นของการเรียน แต่สิ่งที่ดีที่สุดในการเริ่มต้นของการเรียนคือ สภาพจิตใจ เป็นสำคัญ เพราะถ้ามันไม่มีกำลังใจก็คงจะไม่มีความแสวงที่อยากจะเรียนจริงๆ ดังนั้นเราต้องมาปรับสภาพจิตใจกันก่อน กล่าวคือ
การดูถูก(INSULT)ตัวเองนั้น ไม่เหมือนกับการ ถูกคนอื่นดูถูก การที่เราดูถูกตัวเองเราเองไม่สามารถก่อให้เกิดแรงบรรดาลใจได้จริงๆ มีแต่ที่จะทำให้สภาพจิตใจเรานั้น ห่อเหี้ยว
แต่ถ้าเมื่อไหรที่มีคนอื่นดูถูก แม้มันเหมือนมีพลังจากผลกระทบของคำพูด ซึ่งมันไม่ใช่พลังโดยตรง เพราะพลังโดยตรงคือ “อาการเสียใจ” แต่ผลกระทบที่ก่อให้เกิดพลังคือ เราต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าเรานั้นเก่งจริงและสามารถทำในสิ่งที่คนอื่นนั้นได้ดูถูกเราไว้ เราเชื่อว่าหลายๆคนก็สามารถนำวิธีไปปรับใช้และได้กำลังใจมาอีกรูปแบบหนึ่ง
เปรียบเสมือนการกำหนดจุดเส้นชัยให้กับตัวเอง ถ้าเราสามารถสร้างจุดหมายได้นั้นหมายว่าเราจะต้อง มีแผนการเดินทางด้วย เปรียบเสมือนแผนการเรียน เราอาจจะกำหนดว่าภายใน 3 เดือนต้อง ได้ อะไรบ้าง หรือ ภายใน 1 ปี ต้องได้อะไรบ้าง ผลการสอบต้องมากกว่าเท่านั้นเท่านี้ ซึ่งจะนำไปสู่จุดหมายที่ตั้งไว้
บอกกับตัวเองว่าการพูดต่อหน้าเพื่อนฝูงหรือบุคคลอื่นในภาษาอื่นที่มิใช่ภาษาไทยนั้นไม่ใช่เรื่องที่น่าอาย แต่กลับกันเราได้มีโอกาสที่จะได้ฝึกทักษะได้ใช้วิชาความรู้ที่เรียนมานั้นก่อให้เกิดประโยชน์กับตัวเราเองโดยแท้ ไม่ต้องเสียเงินจ้างคนมาพูดด้วย ดังนั้นไม่ว่าเรานั้นจะพูดผิดพูดถูกหรือ เขียนผิด ล้วนแต่เป็นการฝึกฝนให้นำพาไปในสิ่งที่ถูก อย่ากลัวในสิ่งที่ผิด
การเรียนรู้ต้องไม่ได้มาจากในการนั่งเรียนในห้องอย่างเดียวเท่านั้นสามารถที่จะเรียนรู้ได้จากสิ่งแวดล้อม เพื่อน บุคคลภายนอก เป็นต้น เปลี่ยนวิธีคิดปรับจิตใจให้ได้ว่า มันสามารถเรียนรู้ได้ทุกที่ทุกเวลา โดยเฉพาะในโลก Internet เยอะแยะมากมาย
ในข้อนี้ต้องเป็นข้อสำคัญข้อหนึ่ง เราต้องบอกตัวเองเสมอว่ามันสำคัญมากในปัจจุบันกับการประกอบอาชีพ ถ้าเราเริ่มตั้งแต่ตอนนี้ มันจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราสามารถประกอบอาชีพได้ง่ายขึ้น และอีกทั้งสมารถพัฒนาไปสู่สิ่งอื่นๆอีกหลายอย่างล้วนแล้วแต่เป็นผลดีทั้งนั้น ดังนั้นจงบอกตัวเองจะปฏิบัติให้ภาษาอังกฤษเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตและดูซิว่ามันจะไม่ประสบความสำเร็จ