ปัญหาที่นักศึกษาอ่านภาษาอังกฤษไม่เข้าใจนั้นมีหลายอย่าง แต่ปัญหาหนึ่งซึ่งเป็นปัญหาใหญ่มาก คือ เกี่ยวกับด้านคำศัพท์ เนื่องจากภาษาอังกฤษไม่ใช่ภาษาของเราเองดังนั้นความรู้เกี่ยวกับคำศัพท์ย่อมมีน้อยเป็นธรรมดา นักศึกษาจึงต้องหาความรู้เพิ่มพูนเกี่ยวกับคำศัพท์ภาษาอังกฤษด้วยตนเองเพื่อจะเป็นการช่วยให้นักศึกษาสามารถอ่านภาษาอังกฤษเข้าใจได้
แต่การที่นักศึกษาจะหาความรู้เพิ่มพูนทางด้านคำศัพท์ ให้แก่ตนเองโดยวิธีการ องจำความหมาย หรือว่าใช้วิธีเปิดพจนานุกรมดูความหมายของคำศัพท์นั้นมิได้เป็นวิธีการที่ถูกต้องเลย พราะว่านักศึกษาจะรู้ความหมายหรือจำความหมายของคำศัพท์ตัวนั้น ๆ ได้เพียงชั่วครูชั่วคราวเท่านั้นแล้วก็จะลืม จึงเป็นสิ่งที่ไม่มีประโยชน์อะไรที่นักศึกษาจะเรียนรู้คำศัพท์ ดยวิธีเช่นนี้ และนอกจากนี้แล้วถ้านักศึกษาจะเรียนรู้คำศัพท์ ดยการท่องจำความหมายหรือ ปิดพจนานุกรมแล้วเอาคำศัพท์ที่รู้ไปใช้อ่านภาษาอังกฤษ แน่นอนที่สุดว่าวิธีนี้ไม่เป็นการช่วย ห้นักศึกษาอ่านภาษาอังกฤษเช้าใจแน่ เพราะความหมายของคำศัพท์ภาษาอังกฤษใน ข้อความที่อ่านนั้นมิได้เป็นความหมายที่มาจากพจนานุกรมเท่านั้นแต่ความหมายของคำศัพท์ในขอความที่นักศึกษาอ่านนั้นอาจจะเป็นความหมายที่มาจาก
lexical meaning คือ ความหมายโดยตรงจากพจนานุกรม หรือ
structural meaning คือ ความหมายทีเกิดจากโครงสร้างของประโยค หรือ
cultural meaning คือ ความหมายของคำซึ่งเกิดจากวัฒนธรรมของชาตินั้น ๆ ก็เป็นได้
Lexical Meaning คือ ความหมายโดยตรงจากพจนานุกรม คือ นักศึกษาเปิด พจนานุกรมหาความหมายของดัพทัตัวที่ต้องการจะทราบ เช่น คำว่า water หมายความ ว่า น้ำ ดังนั้น ถ้านักศึกษาอ่านพบประโยคว่า
I want to drink water.
My mother waters the flowers every evening.
This suit is light.
We need more light.
เราหันมาดูความหมายที่ 3 คือ Cultural Meaning ว่าเป็นอย่างไร Cultural Meaning คือ ความหมายอันเกิดจากวัฒนธรรมของซนชาตินั้นหรือถิ่นนั้น เช่น คำว่า dinner ความหมายที่นักศึกษาทราบ คือ อาหารเย็น แต่ถ้าคำ dinner เมื่อใช้ในบางส่วนใน อเมริกาคำว่า dinner ของเขาอาจจะหมายถึงอาหารกลางวันก็ได้ เพราะว่า dinner นั้นความหมายที่แท้จริง คือ อาหารมื้อที่หนักที่สุดของวัน คนในอเมริกาบางรัฐเขาทานอาหารมื้อกลางวันหนักที่สุด เขาก็จะเรืยกอาหารกลางวันของเขาว่า dinner และเรียกอาหารมื้อเย็นของเขาว่า supper เช่น คนในแถบภาคกลางของอเมริกา เป็นต้น ดังนั้นจึงเห็นได้ว่าความหมายของคำศัพท์นั้น บางครั้งก็ขึ้นอยู่กับวัฒนธรรมของคนภาคนั้น
คราวนี้ขอกลับมากล่าวถึงศัพท์อีกครั้งว่านักศึกษาไม่สามารถจะเรียนรู้คำศัพท์ต่าง ๆ ได้โดยการท่องจำแต่อย่างเดียวเพราะว่าไม่เป็นการช่วยให้นักศึกษาอ่านภาษา อังกฤษเข้าใจได้อย่างถ่องแท้ นักศึกษาจะต้องรู้วิธีการเรียนคำศัพท์ว่าควรจะเรียนคำศัพท์ใน ลักษณะใดบ้างที่จะเป็นการช่วยให้นักศึกษาอ่านภาษาอังกฤษเข้าใจได้ในบทความนี้
นักศึกษาจะได้เรียนรู้คำศัพท์ลักษณะหนึ่ง คือ การเข้าใจเกี่ยวกับ roots, prefixes และ suffixes เพราะว่า 3 สิ่งนี้ เป็นต้นกำเนิดของอัพท์ต่าง ๆ ในภาษาอังกฤษ แต่ต้องขอยํ้าให้ นักศึกษาเข้าใจว่า การเรียนรู้คำศัพท์นั้นมิใช่มีแต่เพียงเรียน roots, prefixes และ suffixes เท่านั้น ยังมีวิธีการเรียนรู้คำศัพท์หลากหลายชนิด แต่ในที่นี้จะให้ความสนใจเพียงสิ่งนี้เท่านั้น ซึ่งเราจะทำการศึกษากันต่อในบทความถัดไป โปรดติดตาม
เขียนโดย รองศาสตราจารย์ ดร. ธัญญารัตน์ ปาณะกุล และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ส่องศรี โตประเสริฐ
การเขียนในที่นี้มีจุดประสงค์เพื่อเผยแพร่ความรู้ให้กับนักเรียนมิได้ทำเพื่อผลประโยชน์อื่นใด